Rainbow Walk พลังด้านบวกที่อยู่เบื้องหลังฟ้ามืด โดย Chatcha Thavee
"ฟ้าหลังฝนย่อมดูสดใสเสมอ" นัยยะบางที่มักนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตของตน ถึงความย้ำแย่ของสถานการณ์ ที่ทุกอย่างย่อมคลี่คลายไม่ช้าก็เร็ว และเมื่อผ่านความเลวร้ายไปได้ รุ้งกินน้ำที่งดงามก็จะปรากฏให้เห็นบนท้องฟ้าอันห่างไกล แต่กลับมอบพลังบวกให้กับเราได้ เจ้าสิ่งนี้มันทำได้อย่างไร?
The Meeting Room Art Gallery เปิดนิทรรศการขึ้นอีกครั้ง พร้อมสีรุ้งท่ามกลางลมหนาวและข่าวโควิดที่ยังสร้างความกลัวระลอก 2 ให้กับทุกคน แต่ ณ สถานที่แห่งนี้ในวันที่ 11 ธ.ค ทุกคนก็ยังคงมารวมตัวกัน ชมผลงานของพี่หมู ผู้เนรมิตปรากฏการณ์ทางธรรมชาติมาอยู่บนเฟรมภาพ ให้เราได้ใกล้ชิดกับรุ้งไปอีกขั้น
เมื่อตกค่ำผู้คนเริ่มทยอยกันเข้ามาฝากท้องกับเมณูที่หลากหลาย ก่อนจะเข้าไปทักทายศิลปินและถ่ายรูปเคียงข้างกัน แต่ไม่มีการอารัมภบทแต่อย่างใด นอกจากเริ่มการสนทนาแบบตัวต่อตัว
เมื่อผู้เขียนได้เริ่มสนทนา ก็ไม่รอช้าที่จะถามถึงแรงบันดาลใจในการสร้างงานชุดนี้ขึ้นมา เรื่องมีอยู่ว่า ในช่วงพีคของฤดูฝนความมืดของเมฆสีดำที่กำลังถาโถมเขาใส่ที่พักอาศัย สุนัขที่พี่หมูเลี้ยงไว้ตื่นตระหนกกับเสียงฟ้าฝนและลมพายุที่พัดสิ่งของและตันไม้ไปมา ทำให้มันพยายามหาที่หลบอย่างไม่คิดชีวิต
จนเมื่อประตูเปิดอยู่เพียงเล็กน้อยทำให้เจ้าตูบวิ่งเข้าไปในห้อง ซึ่งภายในนั้นเต็มไปด้วยงานศิลปะที่กำลังจะถูกนำไปจัดโชว์ แต่ปรากฏว่า เจ้าตูบกับหยิบและชนจนสร้างความเสียหายให้กับงาน แต่แทนที่พี่หมูจะโกรธ เขากับเห็นสีหน้าที่คลายความกังวลของเจ้าตูบ ท่ามกลางฟ้าฝนยังคงกระหน่ำลงมา
เขาจึงแปลเปลี่ยนเป็นแรงบันดาลใจ ว่า สิ่งใดกันที่มนุษย์เห็นแล้วย่อมเกิดพลังบวกได้ "รุ้งกินน้ำ" จึงเป็นคำตอบของนิทรรศการ Rainbow Walk นี้ อาจเป็นเพราะความสวยงามของมัน หรือ มันมักจะมาหลังจากสภาพอากาศที่เลวร้าย และเมื่อรุ้งกินน้ำปรากฏขึ้น ก็เป็นเหมือนสัญญาณบ่งบอกถึงความสงบ พร้อมชักชวนให้ทุกคนออกจากที่หลบซ้อน เพื่อมาแสวงหารสชาติที่หลากหลายของชีวิตต่อไป นี้จึงอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม "รุ้งกินน้ำ" จึงมีหลายสีก็ได้
เขียนโดย เพลงของช่างภาพ (นามปากกา) หรือ (นามแป้นพิมพ์)







ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น